บมจ.ชีวาทัย เคาะราคา IPO หุ้นละ 1.60 บาท พร้อมเปิดจองซื้อ 30-31 มี.ค.นี้ มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง ผนึกพาร์ทเนอร์สิงคโปร์รุกขยายโครงการแนวราบและเชิงพาณิชย์

ย้อนกลับ29 มีนาคม 2559

‘บมจ.ชีวาทัย’ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเพื่อการอยู่อาศัยและโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 1.60 บาท เตรียมเปิดจองซื้อ 30-31 มี.ค.นี้ คาดว่าเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 5 เม.ย. 59 พร้อมลงนามแต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) และ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ด้านผู้บริหาร บมจ.ชีวาทัย ชูจุดแข็งผนึกพาร์ทเนอร์จากสิงคโปร์ขยายไลน์ลงทุนจากคอนโดมิเนียมและโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า สู่ที่อยู่อาศัยแนวราบและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ช่วยเพิ่มความสม่ำเสมอและต่อเนื่องให้กับการรับรู้รายได้ หนุนศักยภาพบริษัทฯ สู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับอาเซียน พร้อมโชว์แบ็กล็อกคอนโดมิเนียมทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ในปี 59-60 รวม 321 ยูนิต จาก 5 โครงการ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงาน

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA ได้จัดพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาขายหุ้น IPO ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท โดยกำหนดเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 30-31 มีนาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 5 เมษายน 2559

ทั้งนี้ บมจ.ชีวาทัย ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 262 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 34.93 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บมจ.ชีวาทัย มีทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้วทั้งหมด 488 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้พัฒนาโครงการและชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม ส่วนที่เหลือจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป

โดย บมจ.ชีวาทัย เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูง (High Rise) และอาคารไม่เกิน 8 ชั้น (Low Rise) ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เน้นทำเลแหล่งชุมชนที่มีศักยภาพและการคมนาคมสะดวก ทั้งถนนสายหลักหรือใกล้แนวขนส่งมวลชนระบบรางในเส้นทางปัจจุบันและในอนาคต พร้อมทั้งมองโอกาสพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในเขตนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศโดยเฉพาะในเขตอีสเทิร์น ซีบอร์ด เพื่อรองรับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงพิจารณาโอกาสที่โรงงานสำเร็จรูปให้เช่าจะได้รับสิทธิประโยชน์จากเขตส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ซึ่งช่วยเกื้อหนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้เช่าพื้นที่อีกด้วย

นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA กล่าวว่า บริษัทฯ มี TEE Development Pte Ltd ในเครือ TEE Land Ltd ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์ เป็นพันธมิตรธุรกิจซึ่งเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วน 49% โดยพันธมิตรดังกล่าวมีจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการก่อสร้างและการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อผลักดัน ‘ชีวาทัย’ สู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับอาเซียน

“เรามีนโยบายขยายการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายขึ้น เช่น โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ เพื่อความสม่ำเสมอในการรับรู้รายได้และการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งมองโอกาสเข้าลงทุนซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างและเพิ่มโอกาสการรับรู้รายได้เร็วขึ้นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายชาติชาย กล่าว

ด้านนายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย กล่าวว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย และโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 8 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,870 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการขาย 6 โครงการรวมมูลค่าโครงการ 5,830 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชีวาทัย ราชปรารภ จำนวน 325 ยูนิต มียอดขาย 99% โครงการเดอะ สุรวงศ์ จำนวน 52 ยูนิต มียอดขาย 79% โครงการชีวาทัย รามคำแหง จำนวน 535 ยูนิต มียอดขาย 93% โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน จำนวน 792 ยูนิต มียอดขาย 53% โครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ จำนวน 427 ยูนิต มียอดขาย 52% และโครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ จำนวน 279 ยูนิต มียอดขาย 82% ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลไพร์มแอเรียแห่งใหม่ ติดสถานีรถไฟฟ้า MRT เตาปูนที่เป็นอินเตอร์เชนจ์ของรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน รวมถึงอยู่ใกล้สถานีกลางบางซื่อ นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 1 โครงการคือ โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ จำนวน 172 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 120,000 บาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท มียอดขาย 20% โดยตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางโพเพียง 100 เมตร

ส่วนอีก 1 โครงการเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า จำนวน 10 ยูนิต บนที่ดิน 26 ไร่เศษ ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง มีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 17,120 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จและมีผู้เช่า 40% ของจำนวนโรงงานให้เช่าทั้งหมด

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้รวม 1,429.94 ล้านบาท เติบโต 217.9% จากปีก่อนที่มียอดรับรู้รายได้ 449.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 83.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.6% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 43.21 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตก้าวกระโดด เกิดจากรายได้ในการขายและโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยบริษัทฯ มียอดขายคอนโดมิเนียมรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 321 ยูนิต จาก 5 โครงการ มูลค่ารวม 949 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชีวาทัย รามคำแหง โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ โครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วานและโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559-2560

กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย กล่าวว่า ส่วนแผนงานในอนาคต บริษัทฯ จะขยายไลน์การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปสู่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยจะพัฒนาโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มีมูลค่ารวม 2,322 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ ‘ชีวารมย์ เรสซิเดนซ์’ เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 81 ยูนิต บนที่ดินกว่า 15 ไร่ ในซอยรังสิต-นครนายก 7 ช่วงรังสิต คลอง 1 ราคาขายเฉลี่ย 5.15 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 488 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/59 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ขยายไลน์มาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ

นอกจากนี้ จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ‘ชีวาทัย เพชรเกษม 27’ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ โดยเบื้องต้นจะเป็นอาคารสูงไม่เกิน 31 ชั้น จำนวน 560 ยูนิต บนที่ดิน 4 ไร่เศษ ราคาขายเฉลี่ย 75,000 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีบางหว้า 480 เมตร มูลค่าโครงการ 1,659 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2559 และเตรียมพัฒนาโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า (โครงการ 2) อีก 1 โครงการ รวม 4 ยูนิต บนที่ดินกว่า 13 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง มีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 9,100 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 175 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 3/59 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง